History of Usman bin Affan

ประวัติ อุษมาน บิน อัฟฟาน

อุษมาน บุตร อัฟฟาน (อิบนูอัฟฟาน)
1 ในบรรดาศอฮาบะฮฺ 10 ท่านที่ได้ถูกรับรองว่าจะได้เข้าสวรรค์

ประวัติ

  • ท่านอุษมานเป็นเคาะลีฟะฮ์คนที่ 3 ใน ระหว่างปี ฮ.ศ. 23-35 หรือ ค.ศ. 644-656
  • ท่านอุษมานมีชื่อเต็มว่า ท่านอุษมาน บุตร อัฟฟาน บุตร อบุล อาส บุตร อุมัยยะฮ์ บุตร อับดุซซัม บุตร อับดิมานาฟ มารดาของท่านชื่อ อัรวา บุตรี กุร้อยส์ ท่านเกิดในปี ค.ศ. 573
  • ท่านกำเนิดในตระกูลกุร็อยซ์แห่งเผ่าอุมัยยะฮ์ ซึ่งเป็นอดีตชนชั้นผู้ปกครองในมักกะฮ์ ท่านอุสมานมีอายุน้อยกว่าท่านนะบีมุฮัมมัด 5 ปี
  • ท่านได้เข้ารับอิสลามโดยการเชิญชวนของอบูบักร เมื่ออายุ 34 ปี และท่านได้แต่งงานกับบุตรสาวของท่านนบี 2 คน ท่านอุษมานแต่งงานกับรุกอยยะฮ์ เมื่อรุกอยยะฮ์ถึงแก่กรรม อุษมานได้แต่งงานกับอุมมุกัลโซม ซึ่งเป็นบุตรสาวอีกคนหนึ่งของท่านนะบี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านได้รับสมญานามว่า ซุนนูร็อยน์ ( The man with two lights. ) ( เจ้าของรัศมี 2 ดวง )
  • ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการบอกข่าวดีเกี่ยวกับสวรรค์ ค้าขายและทำธุรกรรมทางการเงินด้วยพระนามของอัลลอฮ์

นิสัยของท่านอุษมาน

  • ท่านอุษมานเป็นคนที่เสียสละอย่างมากคนหนึ่ง
  • ท่านอุษมานได้ซื้อบ่อน้ำรูมะฮ์ จากชาวยิวที่มีชื่อว่ายูซุฟ ด้วยจำนวนเงิน 35,000 ดิรฮัม แล้วบริจาคให้มุสลิมได้ใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำนั้น
  • ท่านอุษมานเป็นผู้ที่มีใจบุญ โอบอ้อมอารี และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ครั้งหนึ่ง ชาวเมืองมะดีนะฮ์ต้องประสบกับความขาดแคลน พ่อค้าจึงพยายามฉวยโอกาสที่จะนำสินค้ามาขายโดยได้กำไรอย่างมาก ท่านอุสมานได้นำสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่ แล้วประกาศว่า ” โอ้อัลลอฮ์ ฉันขอทำทานบริจาคสินค้าทั้งหมดนี้ เพื่ออัลลอฮ์ แก่ผู้ยากจนในเมืองมะดีนะฮ์ โดยไม่คิดค่าสินค้าแต่อย่างใด ” อีกทั้งท่านมีจรรยามารยาทที่งดงาม มีความสุภาพอ่อนโยน และมีความละอายเป็นอย่างยิ่ง
  • คอลีฟะฮฺอุสมานมีความอ่อนโยน เป็นที่รักใคร่ในหมู่ชาวกุเรช โดยเหตุนี้ ท่านเราะซูล จึงส่งให้ท่านเป็นทูตเพื่อเจรจากับพวกชาวกุเรช และมีการทำสัญญาซึ่งเรียกว่า สัญญาฮุดัยบียะฮ์
  • ท่านเป็นผู้ที่ใจบุญ โดยบริจาคทรัพย์สินจำนวนมากในหนทางของอัลลอฮ์ เกี่ยวกับความใจบุญของท่านนั้น ท่านได้บริจาคทรัพย์สินของท่านทั้งหมด ในการเตรียมกองทัพ เพื่อรบกับพวกฆอซาซีนะฮฺ ซึ่งกองทัพนี้มีชื่อว่า กองทัพขาดแคลน
  • ในสมัยคอลีฟะฮฺอุมัร ได้เกิดความแห้งแล้งและขาดแคลนอาหาร ท่านได้บริจาคสินค้าและอาหารในกองคาราวานของท่านทั้งหมด ให้แก่ผู้ยากจนในเมืองมะดีนะฮ์
  • อุษมานได้อยู่ร่วมกับท่านนะบี และได้เข้าทำสงครามกับท่านทุกครั้ง นอกจากสงครามบะดัร เนื่องจากท่านต้องดูแลรุกอยยะฮ์ที่ป่วยอยู่ ท่านทำหน้าที่เป็นทูตของท่านนะบี เพื่อเจรจาที่จะเข้าไปทำอุมเราะฮ์ที่มักกะฮ์

การแต่งตั้งเป็นคอลีฟะฮ์

ก่อนที่คอลีฟะฮฺอุมัรจะถึงแก่กรรม บรรดามุสลิมได้ขอให้ท่านคัดเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮฺสืบต่อจากท่าน คอลีฟะฮฺอุมัรจึงได้เสนอชื่อซอฮาบะห์อาวุโสของท่านนะบีมุฮัมมัด 4 คน ให้พวกเขาปรึกษาหารือกัน เพื่อคัดเลือกคนหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ บุคคลทั้งสี่ได้แก่ ท่านอาลี อิบนุอบีฏอลิบ ท่านอุสมาน อิบนุอัฟฟาน ท่านซะอัด อิบนุอบีวักก้อส ท่านอัลดุลเราะห์มาน อิบนุอุบัยดิลลาห์ ในที่สุดก็ได้มีการคัดเลือกให้ท่านอุษมานดำรงตำแหน่องคอลีฟะฮ์

ผลงานของท่านคอลีฟะฮฺอุษมานบินอัฟฟาน

  1. การพิชิตดินแดน ในช่วง 6 ปีแรกของการรับหน้าที่เป็นคอลีฟะฮ์ ท่านอุษมานสามารถสานต่อนโยบายของท่านอุมัรซึ่งมีดังนี้
    1.1. การพิชิตเปอร์เซีย
    หลังจากที่คอลีฟะห์อุมัรถึงแก่กรรม ชาวเปอร์เซียบางส่วนได้ก่อความไม่สงบ คอลีฟะห์อุษมานจึงแต่งตั้ง อับดุลเลาะห์ อิบนุ อามิร เป็นผู้ครองเมืองบัศเราะห์ และดินแดนเปอร์เซีย จึงสามารถรักษาความสงบไว้ได้ พร้อมกับได้พิชิต อัฟกานิสถาน คุรอซาน และสิญิสตาน จึงทำให้อาณาจักรเปอร์เซีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอิสลาม
    1.2. การพิชิตดินแดนทางตอนเหนือของอาฟริกา
    คอลีฟะห์อุษมาน ได้แต่งตั้งอับดุลเลาะห์ อิบนุซะอฺด อิบนุอบีสะเราะห์ ให้เป็นผู้ปกครองทางตอนเหนือของทวีปอัฟริกา เขาได้ขออนุญาตในการพิชิตดินแดนทางภาคตะวันตก โดยเดินทางเลียบชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนถึงชายทะเลประเทศตูนีเซีย จึงทำให้ดินแดนแถบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอิสลาม
    1.3. การพิชิตดินแดนอาณาจักรโรมันตะวันตก
    อาณาจักรโรมันตะวันตกคือ ดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งของตุรกีปัจจุบัน ซึ่งท่านมุอาวียะห์ อิบนุอบีซุฟยาน ผู้ครองแคว้นชามได้บุกขึ้น ทางตอนเหนือ โดยพิชิตดินแดนส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ในการขยายดินแดนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่รัฐอิสลาม อาณาจักรอิสลามได้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวางท่านได้ผนวกอัฟกานิสถานและคูราซานเข้าในอาณาจักรอิสลาม เมืองอาร์เมเนีย อาร์เซอร์ไบจัน และบางส่วนของเอเซียไมเนอร์ ตลอดจนจนดินแดนที่อยู่ในอาฟริกาเหนือและเกาะต่างๆในทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐอิสลาม การขยายอาณาจักร
  1. การจัดตั้งกองทัพเรือ ท่านอุษมานเป็นคนแรกที่จัดตั้งกองทัพเรือขึ้นเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของชาวโรมัน กองทัพเรือมุสลิมพิชิตเกาะไซปรัส เกาะโรดส์ และยึดเมืองอเล็กซานเดเรีย คืนจากพวกโรมันได้ พร้อมกับขับไล่อำนาจโรมันออกจากดินแดนอียิปต์ได้ กองทัพเรือมุสลิมได้แสดงวีรกรรมในการต่อสู้กับพวกโรมันในสงคราม ” เสากระโดงเรือ ” และได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
  2. การขยายมัสญิด อันนะบะวีย์ ท่านอุษมานขยายมัสญิด อันนะบะวีย์ ที่เมืองมะดีนะฮ์ โดยสร้างใหม่ด้วยหินสกัด เสาทำด้วยหิน เพดานบุด้วยไม้สัก
  3. การคัดลอกอัลกุรอาน สืบเนื่องจากการที่อาณาจักรอิสลามได้แผ่ขยายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุให้มุสลิมบางกลุ่มอ่านกุรอานไม่เหมือนกัน ท่านอุษมานจึงได้ส่งคนไปหาพระนางฮัฟเซาะฮ์ บุตรี อุมัร ซึ่งเป็นภรรยาของท่านนะบี เพื่อขอคัดลอกต้นฉบับอัลกุรอาน ท่านหญิงฮัฟเซาะฮ์ จึงได้มอบอัลกุรอานให้แก่อุษมาน ท่านอุษมานได้ใช้ให้ เซ็ด บุตร ซาบิต , อับดุลลอฮ์ บุตร ซุเบ็ร , อับดุรเราะห์มาน บุตร ฮาริษ ทำการคัดลอกอัลกุรอาน แล้วท่านอุษมานก็จัดส่ง คัมภีร์อัลกุรอานไปยังหัวเมืองต่างๆ เช่น อียิปต์ ซีเรีย อิรัก และท่านก็สั่งให้เผาอัลกุรอานที่กระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆเพื่อป้องกันจากความบิดเบือน

บั้นปลายชีวิตของคอลีฟะฮ์อุษมาน

  • ท่านอุษมาน อิบนุอัฟฟาน ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ เมื่ออายุได้ 70 ปี
  • ท่านเป็นผู้มีความสุภาพอ่อนโยน มีเจตนาดี ในระหว่างการเป็นคอลีฟะห์ของท่าน ได้มีการถอดผู้ปกครอง ซึ่งแต่งตั้งในสมันคอลีฟะห์อุมัร ออกจากตำแหน่งจำนวนมาก และมีการแต่งตั้งผู้ใกล้ชิดให้ดำรงตำแหน่ง เนื่องจากความไว้วางใจในพวกเขา เนื่องจากผู้ปกครองบางคนมีความเข้มงวด จึงทำให้ชาวเมืองบางส่วนไม่พอใจ * ขณะเดียวกัน อับดุลเลาะห์ อิบนุสะบะห์ หนึ่งในมุนาฟิกีน (ผู้กลับกลอก) ซึ่งเป็นชาวยิว แล้วเข้านับถือศาสนาอิสลาม ได้จุดชนวนความระส่ำระส่าย และความเข้าใจผิดระหว่างมุสลิม และมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคอลีฟะห์อุษมาน ทำให้มุสลิมกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกันที่หน้าบ้านของคอลีฟะห์อุษมาน แล้วปิดล้อมท่านมิให้ออกไปจากบ้าน พร้อมกับบุกเข้าไปสังหารท่าน ในขณะที่ท่านถือศีลอด และกำลังอ่านอัลกุรอานอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ฮ.ศ. 35 ขณะนั้นท่านมีอายุได้ 82 ปี และดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์เป็นเวลา 12 ปี ศพของท่านถูกฝังไว้ที่กุบูร อัล บะเกียะอ์ ที่มะดีนะฮ์
  • สาเหตุของการสังหารคอลีฟะห์อุษมานได้ก่อให้เกิดความแตกแยกกันระหว่างมุสลิม การพิชิตดินแดนต่างๆได้หยุดชะงักลง หลังจากอาณาจักรอิสลามได้แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง ทางภาคตะวันออก เริ่มจากประเทศอินเดีย ปัจจุบัน จนจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทางภาคตะวันตก ทางด้านทิศเหนือ เริ่มจากประเทศตุรกีปัจจุบันจรดทะเลอาหรับทางทิศใต้ กุบูร อัล บะเกียะอ์